วันเสาร์, เมษายน 30, 2554

จุดเริ่มต้นของธนาคารเลือดสุนัข

เนื่องจากความต้องการถ่ายเลือดในการรักษาแต่ละครั้ง แต่ละปีมีปริมาณมาก อีกทั้งการขาดแคลนเลือดสำรองในกรณีฉุกเฉินหรือการผ่าตัดต่างๆ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญอันทำให้ธนาคารเลือดสุนัขเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม นอกจากนี้สำหรับเลือดที่ได้มาแล้ว จำเป็นต้องมีกระบวนการจัดเก็บที่มีประสิทธิภาพ ด้วยเลือดทุกหยดมีคุณค่า เราจึงต้องจัดเก็บอย่างดี ต้องทำการแยกและจัดเก็บเลือดไว้ให้นาน เพื่อที่จะสามารถสร้างประโยชน์ได้มากกว่าการถ่ายเลือดเพียงหนึ่งครั้ง จากจุดเริ่มต้นของความตั้งใจที่จะก่อตั้ง "ธนาคารเลือดสุนัข" จึงก่อตั้งมาได้ร่วมสองปีแล้ว หากแต่ความต้องการเลือดกลับไม่มีที่สิ้นสุด ในทุกปีที่ผ่านมาเราจึงต้องขอบริจากเลือดอยู่ตลอด เพราะว่าการผ่าตัดในบางครั้งสุนัขที่ทำการผ่าตัดเสียเลือดมาก หรือกรณีอุบัติเหตุ โรคพยาธิในเม็ดเลือดอย่างรุนแรงก็จำเป็นที่จะต้องมีเลือดที่จะรองรับในจุดนี้ด้วย
ถามมา
โทษหรืออันตรายจากการให้เลือดมีหรือไม่?

ตอบไป
ไม่มี เพราะทางโรงพยาบาล มีมาตรการต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของสุนัข ผู้มาบริจาคเลือด เช่น ตรวจสุขภาพก่อนเก็บเลือดทุกครั้ง และการให้ยาซึมก็ไม่มีผลใดๆ ต่อสัตว์ และการบริจาคเลือดกลับเป็นการสร้างประโยชน์ให้แก่สัตว์ที่มาอีกทางหนึ่ง เพราะเท่ากับเป็นการถ่ายเลือดเก่าออกไปและทำให้เกิดการสร้างเม็ดเลือดใหม่ขึ้นมา

ถามมา
กลุ่มเลือดของสุนัขเป็นอย่างไร และแตกต่างจากมนุษย์หรือไม่?

ตอบไป
ค กรุ๊ปเลือดของสุนัขมีทั้งหมด 8 กรุ๊ป คือ DEA1.1, DEA 1.2, DEA 3 , DEA 4 , DEA 5, DEA 6, DEA 7, DEA 8. ต่างจากมนุษย์คือ สุนัขจะไม่มี Antibody ในน้ำเลือด (Plasma) แต่จะมีสารเคลือบผิวเม็ดเลือด Antigen สำหรับหมู่เลือด DEA 1.1 , 1.2. ไม่สามารถเป็นผู้บริจาคเลือดได้แต่สามารถรับเลือดได้คล้ายกลุ่ม AB ในมนุษย์ส่วนกรุ๊ปเลือดอื่นๆ สามารถเป็นผู้บริจาคเลือดหรือรับเลือดกันได้ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นกรุ๊ปเลือดเดียวกัน แต่จะต้องมีการตรวจเลือดว่าเข้ากันได้หรือไม่ ส่วนกลุ่มที่สามารถบริจาคโลหิตให้กับทุกกลุ่มเลือด "(Universal dohor) คือกลุ่ม DEA 4"


ประโยชน์ของเลือด
ใช้ในการผ่าตัด ที่มีภาวะเสียเลือดมากๆ เช่น ตัดม้าม, ตัดตับ, ตัดไต, การตัดก้อนเนื้อในช่องท้อง
ในกรณีสัตว์จำเป็นต้องผ่าตัด แต่สภาพสัตว์ป่วยหนัก หรือไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัด เช่น โลหิตจาง ,หรือมีปัญหาการแข่งตัวของเลือด
 - ใช้ช่วยชีวิตสัตว์ที่ได้รับยาเบื่อหนูกลุ่ม Wafarin เนื่องจากเลือดจะไหลไม่หยุด (ยาเบื่อจะไปยับยั้งสารที่ช่วยการแข่งตัวของเลือด) ถ้าจะมียาแก้พิษ แต่ก็จำเป็นต้องใช้พลาสมาแช่แข็งเพื่อช่วยชีวิต
 - ภาวะสัตว์ที่กำลังช็อก เนื่องจากขาดเลือด, ขาดโปรตีนอย่างรุนแรง
 - ในกรณีที่เป็นพยาธิเม็ดเลือดอย่างรุนแรง หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาวางยา จำเป็นที่ต้องใช้เลือดเพื่อพยุงร่างกายสัตว์ให้สามารถทำการรักษาต่อ
 - ใช้รักษาโรคทางกรรมพันธุ์ บางอย่างซึ่งทำให้เกิดเลือดไหลไม่หยุดเช่น Hemophillia a, Hemophillia b, von eilihamd dio
 - ใช้รักษาสภาวะที่สัตว์มีภาวะขาดอาหารอย่างรุนแรงโดยเฉพาะในลูกสัตว์
 -ใช้รักษาสัตว์ในสภาวะฉุกเฉินที่มีภาวะเลือดออกในอวัยวะภายใน เช่นในช่องท้อง หรือในช่วงอก อาจพัฒนาทำเป็น Hyper immune seum ในกรณีลูกสัตว์ที่ป่วยเป็นโรคทางไวรัสเช่น สำไส้อักเสบ , ไข้หัด


เพราะเหตุใดสุนัขจึงต้องมีการให้เลือด
--------------------------------------------------------------------------------
สุนัขอาจจะมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการได้รับการให้เลือดด้วยเหตุผลหลายๆ ประการ เลือดของสุนัขก็คล้ายกับเลือดของมนุษย์คือ ประกอบด้วยเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือดและน้ำเลือด และเลือดที่ได้รับบริจาคจากสุนัขก็สามารถแยกออกเป็นส่วนประกอบต่างๆ ด้งที่กล่าวไปแล้วด้วยเหมือนกัน เพื่อการใช้งานตามวัตถุประสงค์ความต้องการของสุนัขป่วยที่ต้องการที่จำเพาะและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของเลือดที่ได้รับบริจาคสุนัข แต่โดยทั่วไปสุนัขที่ต้องการเลือดมักจะต้องการเม็ดเลือดแดง หรือน้ำเลือดมากที่สุด

การให้เลือด หรือเม็ดเลือดแดงมักจะใช้กรณีเพื่อการรักษาโรคโลหิตจาง (anemia) นอกจากนี้แล้วสุนัขอาจจะต้องการเลือดในกรณีที่ได้รับอุบัติเหตุ หรือกรณีทำการผ่าตัดศัลยกรรม หรือกรณีที่สัตว์ป่วยไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดแดงได้ หรือกรณีที่เม็ดเลือดแดงในร่างกายถูกทำลายอย่างรุนแรง (จากโรค เช่น พยาธิในเม็ดเลือดแดง เป็นต้น)
สำหรับน้ำเลือด (plasma) ประกอบด้วยโปรตีน หรือเอนไซม์ต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญเกี่ยวกับการทำให้เลือดมีการแข็งตัว (clot) มักมีความจำเป็นสำหรับการรักษาภาวะเลือดออก (bleeding) อันเนื่องมาจากโรคตับ หรือกรณีที่เกิดเลือดออกจากการได้รับสารหนู (rodent poison) นอกจากนี้น้ำเลือดยังมีความจำเป็นสำหรับสุนัขป่วยที่มีระดับโปรตีน หรืออัลบูมินในเลือดต่ำ ส่วนประกอบอื่นๆ ของน้ำเลือด เช่น cryoprecipitate จะใช้สำหรับการรักษาโรคเลือดไหลไม่หยุด (hemophillia) หรือโรคอื่นๆที่เกี่ยวกับปัญหาภาวะเลือดออกไม่หยุดอันเนื่องมาจากพันธุกรรม
สุนัขที่บริจาคเลือดมาจากไหน
--------------------------------------------------------------------------------
เลือดในธนาคารเลือด ณ โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ได้รับมาจากสุนัขที่มาบริจาคเลือด มีสุนัขหลายพันธุ์ที่มาให้เลือดเป็นประจำ (ซึ่งมีปรากฎในหน้าสุนัขใจบุญครับ/ค่ะ) โดยผู้นำสุนัขมาบริจาคเลือดให้มาติดต่อหน่วยงานประชาสัมพันธ์โรงพยาบาลสัตว์ บางเขน ติดกรมป่าไม้ ่จากนั้นจะมีการตรวจร่างกาย ถ้าไม่มีปัญหาใดๆ การเก็บเลือดก็จะเกิดขึ้น ณ ห้องปฏิบัติการธนาคารเลือด ชั้น 3 อาคารโรงพยาบาลสัตว์ 9 ชั้น หรือตึกเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา สุนัขที่บริจาคเลือดจะไม่ได้รับความเจ็บปวดใดๆ จากการบริจาคเลือด การเก็บเลือดจะใช้ระยะเลาประมาณ 5-15 นาที ขั้นตอนต่างๆจะมีความคล้ายคลึงกับกระบวนการในธนาคารเลือดของคน

 เลือดที่ได้รับบริจาคจากสุนัขปลอดภัยหรือไม่
สุนัขที่มาบริจาคเลือดจะได้รับการตรวจกรอง (screened) โรคที่สามารถติดต่อกันได้ทางเลือด เพื่อเป็นหลักประกันว่าสุนัขที่เข้าสู่กระบวนการบริจาคเลือดมีสุขภาพดี โดยปกติแล้วเราจะรับสุนัขที่มีหมู่เลือดในกลุ่ม "universal blood type" หรือสุนัขที่มีหมู่เลือดที่สามารถเข้ากับหมู่เลือดอื่นๆได้ทั้งหมด ถ้าเปรียบเทียบกันในคนก็คือคนหมู่เลือดโอ เท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงปฏิกิริยาทางเคมีของการเข้ากันไม่ได้ของหมู่เลือดจากการให้เลือด แต่เนื่องจากเราไม่สามารถเลือกสุนัขที่มาบริจาคได้ การรับบริจาคจึงไม่จำกัด เพียงแต่ก่อนการให้เลือดจะต้องมีตรวจการเข้ากันได้ของหมู่เลือดเท่านั้นเอง เลือดที่เก็บจากสุนัขใจบุญจะถูกเก็บไว้ในถุงพลาสติกที่ปราศจากเชื้อโรค ขั้นตอนการเก็บและรักษาจะทำให้เลือดปราศจากการปนเปื้อนเชื้อโรคและเก็บไว้ในตู้เก็บเลือดเช่นเดียวกับธนาคารเลือดของคน โดยปกติเลือดที่ได้รับบริจาคมีการกำหนดวันหมดอายุปรากฎอยู่และทำลายเมื่อหมดอายุ แต่เนื่องจากความต้องการเลือดยังมีอยู่มาก เลือดจึงยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ

เขาให้เลือดกับสุนัขกันอย่างไร ก่อนการให้เลือด หรือองค์ประกอบของเลือดอื่นๆกับสุนัข สัตวแพทย์จะทำการตรวจการเข้ากันได้ของหมู่เลือด (crossmatch) เสียก่อน เพื่อความมั่นใจว่า เลือดที่จะให้กับสุนัขไม่มีปฏิกิริยาต่อสุนัขที่ได้รับเลือด เลือดจะถูกถ่ายให้กับสุนัขที่ต้องการเลือดด้วยการให้ทางสายยางผ่านเข้าหลอดโลหิตดำ (ในลักษณะเดียวกับการให้สารน้ำผ่านทางหลอดเลือดดำ) อย่างช้าๆ อัตราเร็วของการให้และปริมาณเลือดที่จะให้กับสุนัขจะขึ้นอยู่กับความจำเป็น ความต้องการและขนาดของสุนัข
สุนัขของฉัน/ผมมีความเสี่ยงต่อการรับเลือดหรือไม่
เลือดที่ได้จากการบริจาคจะเป็นเลือดที่มาจากสุนัขที่มีสุขภาพดี ก่อนการให้เลือดกับสุนัขตัวรับเลือดจะได้รับการตรวจถึงความเข้ากันได้ของหมู่เลือด ดังนั้นความเสี่ยงต่อการให้เลือดจึงมีน้อยมาก แต่สุนัขบางตัวเมื่อได้รับเลือดแล้วอาจจะมีไข้เกิดขึ้นได้ หรืออาจจะพบว่าหน้าบวมเล็กน้อย (mild facial swelling) ในระหว่าง หรือหลังการให้เลือดก็ได้ ภาวะนี้สัตวแพทย์สามารถแก้ไขได้ สุนัขที่ป่วยด้วยโรคที่ค่อนข้างรุนแรงและต้องได้รับการให้เลือดซ้ำอาจจะพัฒนาปฏิกิริยาการตอบสนองต่อการได้รับเลือดได้


ภาวะของสุนัขที่จำเป็นต้องรับเลือด
 -ใช้ในการผ่าตัดที่มีภาวะเสียเลือดมาก ๆ เช่น การตัดม้าม, ตัดตับ, ตัดไต หรือการผ่าตัดใหญ่อื่น ๆ
 -ในกรณีสัตว์จำเป็นต้องผ่าตัด แต่สภาพสัตว์ป่วยหนักหรือไม่พร้อมสำหรับการผ่าตัด เช่น เป็นโรคโลหิตจาง หรือมีปัญหาการแข็งตัวของเลือด
 -ใช้ช่วยชีวิตสัตว์ที่ได้รับยาเบื่อหนู กลุ่ม Warfarin เนื่องจากเลือดจะไหลไม่หยุด (ยาเบื่อจะไปยับยั้งสารที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด) ถึงจะมียาแก้พิษแต่ก็ต้องใช้พลาสมาแช่แข็ง ควบคู่กันเพื่อช่วยชีวิต แต่ในกรณีวิกฤตจำเป็นต้องใช้พลาสมาแช่แข็งเพื่อช่วยชีวิต
 -ภาวะสัตว์ที่กำลังช็อก เนื่องจากขาดเลือด, ขาดโปรตีนอย่างรุนแรง
 -ในกรณีที่เป็นพยาธิเม็ดเลือดอย่างรุนแรง หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาทางยา จำเป็นต้องใช้เลือดเพื่อพยุงร่างกายสัตว์ให้สามารถทำการรักษาต่อได้
 -ใช้รักษาโรคทางกรรมพันธุ์บางอย่าง ซึ่งทำให้เกิดอาการเลือดไหลไม่หยุด เช่น Hemophilia a, Hemophilia b, von willebrand disease
 -ใช้รักษาสัตว์ที่มีภาวะขาดอาหารอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในลูกสุนัข
 -ใช้รักษาสัตว์ในภาวะฉุกเฉินที่มีเลือดออกใน อวัยวะภายใน เช่น ในช่องท้องหรือในช่องอก อาจพัฒนาทำเป็น Hyper immune seum ในกรณี ลูกสัตว์ที่ป่วยเป็นโรคไวรัส เช่น ลำไส้อักเสบ,ไข้หัด
คุณสมบัติของสุนัขที่สามารถบริจาคเลือดได้+ อายุสุนัขควรอยู่ระหว่าง 1 - 6 ปี ไม่จำกัดเพศ พันธุ์ (ถ้าเป็นเพศเมียต้องรอให้หมดประจำเดือนก่อน)
+ มีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 20 กิโลกรัม
+ มีประวัติการทำวัคซีน ได้แก่ป้องกันวัคซีนรวม เช่น ลำไส้อักเสบ, ไข้หัด, ตับอักเสบ, เลปโตสไปโรซีส วัคซีนพิษสุนัขบ้า โรคพยาธิหนอนหัวใจ
+ ไม่มีประวัติของโรคพยาธิในเม็ดเลือด
+ ไม่เคยรับการผ่าตัดใหญ่ในระยะ 1 - 2 เดือน ก่อนบริจาคโลหิต
+ สุนัขมีสุขภาพแข็งแรง
หากสุนัขของคุณมีคุณสมบัติครบถ้วน ก่อนถึงวันนัดบริจาคโลหิตควรงดน้ำและอาหาร เพื่อความปลอดภัยในการให้ยาซึม และเมื่อท่านนำสุนัขมาบริจาคโลหิตให้กับทางโรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ จะมีวิธีการดังนี้

วิธีการในการบริจาคเลือด
+ นำสุนัขมาตรวจเช็คสุขภาพและตรวจเลือดกับสัตวแพทย์ ในกรณีที่ผลตรวจเลือดผิดปกติทางโรงพยาบาลจะแจ้งให้ทราบทันที
+ เมื่อตรวจเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเจาะเก็บเลือดสัตวแพทย์จะทำการให้ยาซึม เพื่อป้องกันสุนัขดิ้นระหว่างการทำการเจาะเลือด เนื่องจากบริเวณที่ใช้ในการเจาะเลือดคือบริเวณลำคอ ถ้าสุนัขดิ้นอาจเกิดอันตรายได้การวางยาซึมนี้จะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ หากแต่สุนัขจะมีอาการง่วงซึมเท่านั้น
+ ในการบริจาค 1 ครั้ง จะเก็บเลือดปริมาณ 1 Unit หรือ 350 ซีซี ซึ่งโดยปกติความสามารถในการให้เลือดจะอยู่ระหว่าง 10 -20 ซีซี ต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม และความถี่ในการบริจาคเลือดทุกๆ 4 - 6 เดือน
+ เมื่อสามารถเก็บผลเลือดได้ตามความต้องการแล้ว สัตวแพทย์จะให้ยาบำรุงเลือดพร้อมบัตรประจำตัวผู้บริจาคเลือด โดยการบริจาคจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

เมนูต้องห้ามสำหรับหมา

ไปเจอมาจากเวปผู้จัดการ เลยเอามาฝากกันค่ะ http://www.manager.co.th
อาหารเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สุนัขของคุณมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีอายุยืนยาว ดังนั้นการให้อาหารแก่สุนัข ผู้เสี้ยงจึงจำเป็นต้องพิถีพิถันอยู่บ้าง ผู้เลี้ยงหลายคนนิยมให้อาหารสำเร็จรูป เพราะสะดวกสบายไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมอาหารสดให้ยุ่งยาก
เพราะกว่าจะครบถ้วนด้วยสารอาหารก็จะต้องมีทั้ง ข้าว ตับ และผัก การใช้อาหารเม็ด หรืออาหารกระป๋องดูจะง่ายและให้สารอาหารแก่สุนัขอย่างครบถ้วนมากกว่า อีกทั้งอุจจาระของสุนัขยังแข็งเป็นก้อนง่ายต่อการเก็บทำความสะอาดอีกด้วย
แต่ก็มีผู้เลี้ยงบางกลุ่มนิยมให้อาหารสุนัขตามแต่ความต้องการของตนเอง โดยผู้เลี้ยงเข้าใจผิดว่า สุนัขมีความต้องการ และความสามารถในการกินได้เช่นเดียวกับคน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความคิดที่ผิด อาหารที่คุณให้อาจย้อนกลับมาทำอันตรายถึงชีวิตแก่สุนัขแสนรักของคุณได้ อาหารต้องห้าม 3 อย่างของสุนัข ที่ผู้เลี้ยงควรหลีกเลี่ยงไม่นำมาให้สุนัขกินได้แก่
กระดูกไก่ ปลา
หากไม่จำเป็นคุณไม่ควรให้กระดูกไก่ ปลา ให้เจ้าสุนัขของคุณกินโดยเด็ดขาด แม้ว่าเจ้าสุนัขของคุณจะชื่นชอบอาหารเหล่านี้เพียงใด
เพราะ กระดูกไก่ ก้างปลา อาจแตกหักระหว่างที่สุนัขขบเคี้ยวสร้างมุมแหลม และความแหลมนี่เองอาจทิ่มแทงทำอันตรายสุนัขของคุณได้ ผู้เลี้ยงหลายคนให้เหตุผลในการให้อาหารเหล่านี้แก่สุนัขว่า
ต้องการให้แคลเซียมแก่สุนัข ซึ่งความจริงแล้วผู้เลี้ยงสามารถให้เม็ดแคลเซียม หรือนมอุ่นๆแก่สุนัขแทนได้
ทั้งนี้หมายรวมถึงอาหารที่มีลักษณะเป็นของมีคมขนาดเล็กอื่นๆ เช่น ส่วนหางของกุ้ง เพื่อนของผู้เขียนเคยสูญเสียสุนัขจากกรณีดังกล่าวมาแล้ว
เนื่องจากไปเที่ยวทะเลซื้ออาหารทะเลมารับประทานที่บ้าน พอเหลือก็นำมาให้สุนัขกินอย่างไม่รู้เท่าทัน ผลปรากฏว่าสุนัขกินส่วนหางของกุ้งเข้าไปติดคอเสียชีวิต

หัวหอมและกระเทียมไม่ควรให้สุนัขรับประทานในปริมาณมาก เพราะหัวหอมและกระเทียม มีส่วนประกอบของกำมะถันอยู่มาก
เพราะฉะนั้นไม่เหมาะแก่การผสมในอาหารให้กับเจ้าตูบ เนื่องจากว่า สารกำมะถันนี้จะทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงของเจ้าสุนัข
จะทำให้โรคโลหิตจาง และโรคเลือดไหลไม่หยุดได้

ช็อคโกแล็ต
หลายคนเคยให้ช็อคโกแล็ตกับสัตว์เลี้ยงของท่าน โดยไม่รู้ว่าช็อคโกแล็ตเหล่านี้ส่งผลร้ายต่อสุนัข
สาเหตุเพราะช็อคโกแล็ตมีส่วนประกอบของสารชนิดหนึ่งชื่อว่า theobromine
ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับ สารพวก caffeine(ซึ่งมีในพวกกาแฟ โกโก้) สาร theobromine นี้เมื่ออยู่ในร่างกายมันจะมีฤทธิ์หลายอย่าง
แต่ที่เห็นเด่นๆชัด คือ จะกรตุ้นให้มีการหลั่งสารที่เรียกกันว่า adrenaline ซึ่งสารตัวนี้จะมีผลทำให้หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก
ถ้ากินมากๆอาจถึงขั้นเป็นพิษได้จะทำให้เกิด อาการ อาเจียน ท้องเสีย หายใจถี่ ฉี่บ่อย กระวนกระวาย และในที่สุดก็ถึงตายได้
มีรายงานในสุนัขบอกว่า ในสุนัขที่น้ำหนักไม่เกิน 5 กก. กินเข้าไปแค่ 400 มก.
ก็สามารถแสดงความเป็นพิษได้ การที่สุนัขค่อนข้างจะไวต่อความเป็นพิษของ theobromineนั้นเป็นเพราะว่า
ร่างกายของมันไม่สามารถที่จะกำจัด theobromine ออกจากร่างกายได้รวดเร็วเหมือนกับสัตว์ชนิดอื่น ตามปกติช็อคโกแลตที่ขายในท้องตลาด
ถ้าเป็นแบบหวานจะมี theobromine อยู่ประมาณ 1.5 มก ต่อ ซีซี แต่ถ้าเป็นแบบไม่หวานจะมีประมาณ 13 มก. ต่อ ซีซี

เพิ่มเติมอีกนึด อันนี้ได้มาจากบอร์ดยอร์คค่ะ ไม่แน่ใจว่าทราบกันหรือยังเลยก๊อบมาฝากน่าจะเป็นประโยชน์กะสมาชิกที่นี่มั่ง
1. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ทำให้เกิดอาการได้รับสารพิษมากเกินไป เข้าขั้นโคม่าและตายได้

2.อาหารทารกสำเร็จรูป
มักมีส่วนผสมของหัวหอมที่เป็นพิษกับสุนัข และถ้ากินมากๆ อาจอยู่ในภาวะขาดสารอาหารได้

3.ก้างปลา กระดูกต่างๆ
อาจทำให้ติดคอหรือบาดกระเพาะอาหารเป็นแผลได้
4. ชา กาแฟ เครื่องดื่มคาเฟอีนและ ช็อกโกเเลต
เป็นพิษกับหัวใจและระบบประสาท

5.น้ำมันสกัดจากผลไม้ชนิดส้ม
ทำให้เกิดการอาเจียน

6.องุ่นและลูกเกด
ทำให้เกิดผลเสียกับไต

7.วิตามิน(ของคน)ที่มีธาตุเหล็ก
ทำลายเนื้อเยื่อของระบบย่อยอาหารและเป็นพิษต่อตับและไต

8.ตับ(ในปริมาณมาก)
ทำให้เกิดวิตามินเอเป็นพิษ ส่งผลกับกล้ามเนื้อและกระดูก

9.ถั่วแมคคาเดเมีย
มีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อระบบย่อยอาหาร ระบบประสาท และกล้ามเนื้อ

10.นมและผลิตภัณฑ์จากนม
สุนัขส่วนใหญ่ไม่มีเอนไซม์ใช้ย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมวัวมากพอ ซึ่งจะทำให้เกิดท้องเสีย ควรใช้นมสุนัขที่ไม่มีแลคโตส

11.เห็ด
เห็ดบางชนิดเป็นพิษ ส่งผลต่ออวัยวะหลายส่วน ทำให้ช๊อค และตายได้

12.หัวหอม
มีสาร sulfoxides และ disulfides ซึ่งทำอันตรายต่อเม็ดเลือดแดง

13.ไข่ดิบ
มีสาร Avidin ที่ลดการซึมซับไบโอติน(วิตามินบีชนิดหนึ่ง)และทำให้เกิดผลเสียต ่อขนและผิวหนัง

14.ปลาดิบ
ทำให้เกิดการขาดวิตามินบี Thiamine และไม่อยากอาหาร ชัก หรือในกรณีที่ซีเรียสมากอาจถึงตายได้

15.ของหวาน
ทำให้อ้วนผิดปกติ มีปัญหาโรคในปาก เป็นเบาหวานได้

16.บุหรี่
มีสารนิโคตินที่เป็นอันตรายต่อระบบย่อยอาหารและระบบประสาท หัวใจเต้นเร็ว หมดสติ โคม่า และ ตายได้

17.อาหารแมว
มีโปรตีนและไขมันมากเกินไปสำหรับสุนัข

การแสดงออกโดยการเห่า

 ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพฤติกรรมของสุนัขแยกประเภทและความหมายของเสียงเห่าแต่ละชนิดไว้ดังนี้
             
                เห่าติดต่อกันเป็นชุด ๆ 3-4 ครั้งโดยมีช่วงหยุดระหว่างชุด.......ความหมาย เป็นการเชิญชวนของสุนัขให้ มาดูอะไรที่น่าสนใจตรงนี้กันเถอะ
             
                เห่าเร็ว ๆ ติดต่อกันด้วยโทนเสียงปานกลาง........ความหมาย การเตือนภัยของสุนัขว่า มีสิ่งไม่น่าไว้วาง
                ใจใกล้เข้ามา
             
                เห่าด้วยเสียงต่ำ ๆ ติดต่อกันอย่างช้า ๆ ......ความหมาย กำลังมีภัยประชิดตัว
             
                เห่าแล้วหยุด เห่าแล้วหยุด ติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ..........ความหมาย สุนัขกำลังเหงา
             
                เห่าสั้น ๆ ครั้งสองครั้ง.....ความหมาย การทักทายตามปกติของสุนัข
             
                เห่าครั้งเดียวสั้น ๆ เมื่อคุณหรือสุนัขอีกตัวกำลังยุ่งอยู่กับเขา.............ความหมาย เขากำลังรำคาญและ
                พยายามบอกคุณว่า หยุดซะทีเถอะ
             
                ลูกสุนัขเห่าติดต่อกัน.........ความหมาย เป็นการเรียกร้องความสนใจ
             
                เห่าครั้งเดียวสั้น ๆ เป็นการเรียกเจ้าของ...........ความหมาย เขาต้องการขับถ่ายหรือถึงเวลาให้อาหารแล้ว
             
                เห่าติด ๆ กันรัวและดังขึ้นเรื่อย ๆ ..............ความหมาย บ่อบอกถึงความตื่นเต้นสนุกสนานกับอะไรบางอย่าง


    ถึงจะพูดภาษาเดียวกันไม่ได้ แต่ก็สื่อใจถึงกันได้ ด้วยภาษากาย ภาษาสายตา มันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการจะสื่อสารกับเขามากน้อยแค่ไหน ถ้าคุณพยายามทำความเข้าใจใจตัวเขา เรียนรู้เขา สักวันก็จะเป็นเหมือนบทเพลง สองกายหัวใจเดียว
การแสดงออกโดยสีหน้า
    การแสดงออกโดยสีหน้าก็คล้ายกับคน เราค่อนข้างจะคุ้นเคยกับภาษาที่สื่อกันชนิดนี้กันอยู่แล้ว อาจแสดงออกทาง
    สายตา การแยกเขี้ยว โดยการทำหูลีบไปข้างหลังก็จะแปลความหมายได้ตามสถานการณ์ในขณะนั้น

วันศุกร์, เมษายน 29, 2554

การดูแลเมื่อน้องหมาตั้งท้อง

การดูแลสุนัขขณะตั้งท้องนั้น หลายท่านระวังมากเกินความจำเป็น แทนที่จะเป็นผลดีกลับกลายเป็นเกิดผลเสียต่อแม่และลูก สุนัขด้วยซ้ำไป ต้องท้องนานแค่ไหนกันนะปกติหลังการผสมอสุจิจะมีการฝังตัวอยู่ที่ 3-5 วัน ระยะเวลาการตั้งท้องจะประมาณ 61-65 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนลูกในท้อง ถ้าลูกมากก็จะคลอดเร็วขึ้น ดังนั้นการจดจำวันที่สุนัขผสมจึงเป็นเรื่องจำเป็น สำหรับการนับลูกสุนัขและการทราบกำหนดวันคลอด
อาหารสำหรับสุนัขตั้งท้อง
การสัง เกตุอาการสุนัขที่ตั้งท้องนั้นต้องสังเกตุอากา รอย่างใกล้ชิด อาจดูจากการกินจุมากกว่าเดิม และถ้าไม่แน่ใจอาจปรึกษาแพทย์ หลังจากที่แน่ใจว่าท้องแล้ว อาหารที่ให้ต้องเพิ่มให้เหมาะสมกับช่วงการตั้งท้อง โดยเปลี่ยนมาใช้สูตรสำหรับลูกสุนัข เพราะมีคุณค่าโภชนาการทั้งโปรตีน ไขมัน สูงกว่าสูตรปกติ ควรให้แม่สุนัขกินอาหารสูตรนี้อย่างต่อเนื่องจนลูกสุ นัขหย่านม และในช่วงใกล้คลอดอาจให้เสริมอาหารที่มีกากใยอาหารมา กขึ้นเพื่อลดปัญหาอาการท้องผูกเนื่องจากการขยายตัวขอ งมดลูกที่ดันส่วนลำใส้ใหญ่อาหารเสริมและยาบำรุงจำเป็นหรือไม่นอก เหนือจากอาหารตามปกติแล้ว ต้องเสริมวิตามินและแร่ธาติบางกลุ่มเพิ่มเติมเพราะร่ างการของลูกจะดูดซึมวิตามินแร่ธาตุกลุ่มนี้จากร่างกา ยแม่ ถ้าไม่ให้ทดแทนจะมีผลเสียกับแม่สุนัขอย่างชัดเจนหลัง คลอด คือขนหลุดร่วง สุขภาพทรุดโทรม ไม่มีน้ำนมพอ สิ่งที่ต้องให้เสริมคือ แคลเซียม ฟอสฟอรัส เพราะเป็นแร่ธาติที่นำไปสร้างกระดูด โครงสร้างของลูกและเป็นส่วนประกอบสำคัญของน้ำนม ถ้าสุนัขขาดแร่ธาติดังกล่าว ช่วงให้นมลูกจะมีไข้สูง หอบ ตัวสั่น จนถึงชักเกร็ง ต้องพาไปพบสัตว์แพทย์โดยด่วนเพื่อลดไข้และให้แคลเซีย มทางกระแสเลือด ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะช็อกซึ่งแม่สุนัขอาจตายได ้ ส่วนใหญ่เกิดกับท้องแรกและเจ้าของยังไม่มีประสพการณ์ ปริมาณการให้แคลเซียมไม่ควรให้มากเกินความจำเป็ น ควรจะให้ร่างกายแม่เป็นตัวปรับระดับฮอร์โมนในการใช้แ คลเซียมด้วยยาบำรุงเลือด วิตามินอื่นๆถือว่าจำเป็นด้วยเช่นกันเพียงแต่ให้ปริม าณน้อยๆ ทั้งนี้ควรปรึกษาคำแนะนำจากสัตวแพทย์จะปลอดภัยที่สุด


ควรหลีกเลี่ยงหรือระวังอะไรบ้าง
ควร หลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจทำให้เกิดโรคติดเชื้อ โรคติดต่อที่มาจากสุนัขเอง โดยระวังให้อยู่ห่างจากสุนัขป่วย แม้เชื้อที่มีปริมาณน้อยก็อาจแพร่เชื้อไปยังลูกที่ไม่มีความต้านทานโรคอาจทำให้ตายในท้องได้ ช่วงนี้ถ้าป่วยต้องปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง นอกจากนั้นต้องหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีน เนื่องจากอาจส่งผลต่อลูกได้ ส่วนโปรแกรมการฉีดยากันพยาธิหนอนหัวใจต้องเปลี่ยนมาเ ป็นแบบกินแทน การใช้ยากำจัดเห็บหมัดก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเนื่องจากบางกลุ่มเป็นยาฆ่าแมลงที่ห้ามใช้กับสัตว์ตั้งท้อง ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกสุนัขก่อนเป็นอันดับต้น
สุนัขตั้งท้องอาบน้ำได้ไหมการ
อาบทำได้ตามปกติ แต่ควรตรวจสอบก่อนว่ามีไข้หรือเปล่า และต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะสุนัขท้องแก่ยิ่งต้องระวังมากขึ้น อาจหลีกเลี่ยงโดยใช้วิธีเช็ดตัวแทนได้ หลังจากคลอดแล้วก็จับอาบน้ำได้เลยเพื่อล้างคราบสกปรก น้ำคร่ำที่เลอะตัว

ความรุ้สึกของสุนัขถูกทิ้ง

เธออย่ามาดีกับฉันให้มากนัก
ฉันเป็นเพียงสุนัขแค่ตัวหนึ่ง
ที่มีความรักต่อเธออย่างลึกซึ้ง
คอยคำนึงคิดถึงเธอเสมอมา
หากไม่คิดจะรักอย่าดูแล
อย่าแยแสให้อาหารและถามหา
ปล่อยให้ฉันเป็นอย่างฉันอย่างเป็นมา
ยังดีกว่ามาแกล้งทำเป็นมีใจ
มันเจ็บปวดรู้ไหมถ้าถูกทิ้ง
ไร้ทุกสิ่งที่เธอนั้นเคยมีให้
ทำให้ฉันเป็นสุนัขไร้จิตใจ
ที่ไม่มีวันเชื่อใจใครอีกเลย
~สุนัขจรจัด~

8เรื่องพื้นฐานในการดูแลสุนัข หมา

วิธีการดูแลสุนัข เบื้องต้นที่เราควรทราบง่ายๆดังนี้
    1.ไม่ควรเลี้ยงสุนัขไว้บนพื้น ลื่น เช่นกระเบื้อง หินอ่อนขัด เป็นต้น เพราะจะทำให้ขาสุนัขไม่สวย ขาจะแบะออกคล้ายๆกับว่ายืนได้ไม่มั่นคง
    2. ไม่ควรอาบน้ำให้ลูกสุนัขที่อายุยังไม่ถึง 3 เดือน ถ้ารู้สึกว่าสกปรกใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดขนข้างนอกก็พอ ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ อาบน้ำแล้วให้รีบเช็ดและเป่าให้แห้ง เดี๋ยวสุนัขจะเป็นหวัด
    3. ระวัง ! อย่าให้ลูกสุนัขมุดใต้กรง หรือใต้อะไรที่แข็งและเป็นคาน เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเข้าไปติด ถูกกดทับ หรือเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เส้นหลังเสียได้
(กระดูกสันหลังจะแอ่น)
    4. ควรดูแลรักษาปากและฟันของสุนัข อย่าให้กัดแทะของแข็งเกินไป เดี๋ยวฟันไม่แข็งแรงควรหากระดูกเทียมให้สุนัขแทะเล่น เอากระดูกแบบสีขาวและมีฟลูออไรด์ด้วยจะได้ทำความสะอาด ฟันสุนัขไปในตัว
    5. เมื่อสุนัขเริ่มเป็นหนุ่มสาว(อายุ 7-8 เดือน) อย่าเพิ่งรีบให้ผสมพันธุ์ เพราะสุนัขยังไม่โตเต็มที่ อาจทำให้หยุดการเจริญเติบโตและทำให้ตัวเล็ก แล้วก็อาจจะแท้งหรือให้ลูกที่ไม่สมบูรณ์
    6. เมื่อเริ่มโต สุนัขจะเริ่มมีขนร่วง ไม่ต้องแปลกใจ เป็นธรรมชาติของสุนัขที่มีการเจริญเติบโต
    7. อาหารที่ใช้ควรเป็นอาหารเม็ด เพราะสะดวกรวดเร็ว ถ้าให้อาหารธรรมดา (ทำเอง) สุนัขจะเลือกกินแล้วจะไม่กินอาหารเม็ดอย่าให้แทะกระดูกจริงเพราะเดี๋ยวจะไป ทิ่มกระเพาะสุนัขและจะติดคอได้ง่าย
    8. การฉีดวัคซีนและถ่ายพยาธิ ควรทำตามตารางที่สัตว์แพทย์แนะนำ

นิสัยน้องหมาตามราศีเกิด

เจ้าตัวเล็กที่เกิดในราศีเมษนั้นแสนจะร่าเริงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานและต้องการให้คุณสัมผัสลูบไล้ด้วยความรักตลอดเวลา เขาจะมีความรักให้คุณไม่มีที่สิ้นสุดและจะเฝ้าบ้านให้คุณได้ดี
ควรระวังอุบัติเหตุจากความซนให้มาก การพาเข้าโรงเรียนนั้นเหมาะสมอย่างยิ่ง


สุนัขราศีพฤษภถึงแม้จะหัวแข็งราวกับวัวแต่ก็มีความนุ่มนวลในนิสัย หากเมื่อถึงเวลาต้องสู้จะสู้ไม่ถอยเลยทีเดียว ถ้าคุณพยายามจะสอนอะไรให้แล้วเขาไม่ฟังล่ะก็ เก็บแรงของคุณไว้สอนเรื่องอื่นดีกว่าแต่ข้อดีก็คือเขาจะมีทั้งความรักและความจงรักภักดีและมักจะอยู่ข้างๆ คุณตลอดเวลาทีเดียว


เจ้าตูบราศีเมถุนนั้นนอกจากจะมีพละกำลังเหลือล้นแล้วยังมีความอยากรู้อยากเห็นขนาดที่คุณต้องปวดหัวกับการตามเขาให้ทันเหมาะ อย่างยิ่งกับเจ้าของที่รักการออกกำลังกาย นอกจากนี้เจ้าตูบยังชอบฟังเสีบงตัวเองมาก ดังนั้นคุณจงทำใจและทำตัวให้ชินเข้าไว้ นักสืบ ตัวน้อยของคุณจะเข้าสืบสวนทุกอย่างในบ้านอย่างจริงจัง แต่จะหมดความสนใจเร็วหากจะสอนอะไรให้ล่ะก็พยายามสอนทีละอย่างจะ ดีที่สุด


สุนัขในราศีนี้มีความอ่อนไหวง่าย จึงควรเสริมสร้างความอบอุ่นในบ้านตั้งแต่แรกเริ่ม ความนุ่มนวลจะเต็มไปด้วยความรักของเขา ทำให้เป็นที่รักของคนทั่วไป ความตั้งใจของเขาทำให้ฝึกสอนได้ง่ายโดยใช้คำชมและความรักเป็นหลัก และสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็ว


เจ้าตัวน้อยราศีสิงห์นั้นชอบนักที่จะเป็นศูนย์กลางของความสนใจและความรักถ้าชมแล้วล่ะก็จะให้ทำอะไรก็ย่อมได้ทั้งนั้นอย่าบังคับเขามากเกินไปล่ะ เพราะจะทำให้เขาเป็นสุนัขที่ขาดความมั่นใจส่วนเรื่องการฝึกสอนนั้นไม่ยากถ้าใช้คำชมและความรักเข้าล่อ


ถึงแม้ว่าสุนัขราศีกันย์จะขี้อายไปบ้าง แต่ก็จะชอบและรู้สึกขอบคุณเมื่อคุณสอนอะไรใหม่ๆ ให้กับเขาเขาจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและเชื่อฟังคำสั่งคุณเป็นอย่างดี จึงเหมาะอย่างยิ่งกับเจ้าของที่ต้องการความเป็นระเบียบเรียบร้อยในชีวิต สุนัขราศีกันย์นี่แหละจะสร้างความประทับใจให้คุณอย่างไม่น่าเชื่อ




ถ้าคุณต้องการสุนัขที่ชอบโชว์ออฟล่ะก็ ชาวราศีตุลย์นี่ล่ะใช่เลยโดยนิสัยส่วนตัวแล้วทำให้สุนัขราศีตุลย์นั้นสามารถอยู่ร่วมกับคนมากๆ ได้อย่างมั่นใจ ความเซล์ฟสุดๆ ของเธอนั้นเหมาะยิ่งกว่าเหมาะที่จะพาไปเดินโชว์ แต่เรื่องความสามารถนั้นต้องฝึกกันหน่อยเพราะเธอจะหงุดหงิดง่ายถึงแม้ว่าจะเป็นสุนัขที่รักสันติก็ตาม


เจ้าตูบที่แสนจะแน่วแน่นี้จะปกป้องคุ้มครองคุณจนกว่าชีวิตจะหาไม่ทีเดียวความฉุนเฉียวง่ายและหัวแข็งของเขาทำให้คุณจำเป็นต้องสอนให้เขารู้จักควบคุมตัวเองแต่เนิ่นๆแต่ถ้าคุณรู้จักสอนด้วยความนุ่มนวลอย่างถูกวิธีล่ะก็ เขาจะเป็นสุนัขที่วิเศษมาก


ชาวราศีธนูนั้นมีความเป็นมิตรและเข้ากันได้กับทุกคน อย่าหวังเลยว่าเขาจะช่วยเฝ้าบ้านให้คุณได้เพราะไม่ว่าใครเขาก็จะถือเป็นเพื่อนไปหมดขอให้แสดงความสนใจเขาเท่านั้นสุนัขราศีธนูนั้นช่างสงสัยและต้องการอิสรภาพอย่างมาก โดยเฉพาะการได้วิ่งนอกบ้านนั้นชอบสุดๆ


ภายใต้ความเงียบสงบที่มองเห็นนั้นคุณจะพบกับสุนัขที่มีความกระตือรือร้น ความทะเยอทยาน และมีความตั้งใจสูงเขาจะมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างสิ่งที่ชอบและไม่ชอบและจะแสดงให้คุณสังเกตุเห็นได้ง่ายๆ เขาจะเป็นสุนัขที่จงรักภักดีและสอนได้ง่ายโดยใช้การให้รางวัลเป็นหลัก และมักจะชอบเป็นสุนัขตัวเดียวในบ้านมากกว่าที่จะแบ่งความรักให้ใคร


สุนัขราศีกุมภ์นั้นต้องการเพื่อนและการมีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา เขาสามารถเข้ากับคนอื่นได้ดีจนมีแต่คนต้องการจะขอไปเลี้ยง เขาชอบที่จะให้คุณเอาอกเอาใจและชอบที่จะอยู่ในบ้าน ไม่ต้องการออกกำลังมากและค่อนข้างสำอางค์ แต่ก็หัวแข็งใช่เล่นเหมือนกัน


ชาวราศีมีนนั้นเป็นสุนัขที่ละเอียดอ่อนและมีความไวต่อสิ่งรอบข้างทำให้ฝึกสอนได้ง่ายด้วยการทำเป็นประจำ
เขาจะเป็นมิตรกับคนทั่วไปและมองโลกในแง่ดีเสมอแต่คุณอาจต้องใช้สายจูงกับเขาตลอดเมื่อพาไปเดินเล่นเพราะเขาอาจจะเดินเล่นพลางฝันกลางวันจนเพลินลืมกลับบ้านได้